มูลนิธิโครงการเพื่อชีวิต

ตลอดทั้งประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ผู้สูงอายุเป็นที่เคารพยกย่องให้เป็นเสาหลักของชุมชน แต่เมื่อเวลาผ่านไป และในตอนนี้ ผู้สูงอายุถูกปฏิบัติเสมือนเป็นภาระของสังคม ถูกละเลยและทอดทิ้ง ศูนย์นางรูธไม่ได้ลืมพวกเขา เริ่มต้นในปี 2551 เป้าหมายหลักของศูนย์นางรูธคือการทำงานในชุมชนแออัดในกรุงเทพฯ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตสำหรับผู้สูงอายุและเสาะหาวิธีการช่วยเหลือคนเหล่านี้ในระยะยาว ในกรุงเทพฯ นั้น ก็มีจำนวนผู้สูงอายุมากกว่า 940,000 คน ในจำนวนนี้ มีหลายคนที่ยากจนข้นแค้น อยู่โดดเดี่ยวลำพัง ไม่มีครอบครัวหรือใครอื่นที่จะช่วยเหลือพวกเขา

เรื่องราวของชีวิตจริง

ด้วยว่าสามีของเธอเสียชีวิตแล้ว และทิ้งเธอไว้กับลูกสาวคนเดียว คุณยายมีไม่มีใครให้พึ่งพิงได้อีก น้ำตาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกๆ วัน แม้ว่าจะเกิดในประเทศไทยก็ตามแต่เธอก็ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนจึงไม่มีสิทธิใช้บริการบัตรทองสุขภาพของทางรัฐบาลได้ เธออาศัยอยู่ใต้หลังคาที่พยุงด้วยไม้กระดานและเสาในชุมชนแออัด วันหนึ่งเธอเก็บเอาพลาสติกที่เขาทิ้งขว้างมาทำเป็นหลังคา แต่ว่าเพิงที่เธออยู่ไม่มีแม้แต่ผนังกั้น ที่นอนของเธอคือกระดานแผ่นเดียวกับผ้าห่มเก่าๆ ผืนหนึ่ง เมื่อฝนตกเธอก็เปียกฝนเสมอ บางครั้งทั้งงูและตะขาบมาอาศัยอยู่ในเพิงกระท่อมของเธอเหมือนกับว่าเป็นที่อยู่ของพวกมันด้วย เพื่อได้เงินพอสำหรับอาหารนิดๆ หน่อยๆ คุณยายมีต้องเค้นร่างกายที่เจ็บป่วยตามประสาคนอายุเจ็ดสิบห้าปีออกไปตามท้องถนนและบนทางเดินเท้าเพื่อคุ้ยหาขยะที่จะเอามาขายได้อีก บางวันเธอมีอาหารกิน แต่บางวันก็ไม่มีเลย คุณยายมีรู้จักชีวิตที่หิวโหยเป็นอย่างดี เพราะมันเป็นเพื่อนกับเธออยู่ทุกวันพร้อมๆ กับน้ำตา

นั่นเป็นช่วงเวลาที่ศูนย์นางรูธได้มาเจอเธอ

การทำงานในชุมชนแออัดที่คุณยายมีอาศัยอยู่ เจ้าหน้าที่ของศูนย์นางรูธพร้อมด้วยทีมงานอาสาสมัครได้สร้างที่พักพิงให้กับคุณยายมี (ดูภาพจากทางขวามือ) นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่คุณยายรู้สึกได้รับความห่วงใย ความรัก และไม่ได้อยู่ลำพังอีก ศูนย์นางรูธจัดหาอาหารจำเป็นแก่เธอ และช่วยเธอยื่นเรื่องขอบัตรประจำตัวประชาชนได้ ศูนย์นางรูธไม่สามารถช่วยทุกคนได้ในเวลาเดียว แต่จะเริ่มต้นทีละคน แล้วไปช่วยคนต่อไปอีก และต่อไปอีกคน เพราะว่านี่คือชีวิต

ติดต่อศูนย์นางรูธ

1. สถิติกรุงเทพมหานคร ปี 2557 สำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล www.bangkok.go.th/pipd/